เนมาญาวีดิช กองหลังระดับตำนาน กัปตันทีมชาวเซอร์เบีย และปราการหลังตัวหลักของแมนฯยูไนเต็ด

เนมาญาวีดิช วันนี้จะพามารู้จักกับ ปราการหลังสุดแกร่งของทัพผีแดง นักเตะที่ทุ่มเทให้ทั้งแรงกาย และแรงใจคนหนึ่งของทีม

เนมาญาวีดิช ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1981 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย เคยเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกประเทศอังกฤษ เล่นตำแหน่งกองหลัง วีดิชเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียง 6 ปี โดยเมื่ออายุได้ 12 ปี ได้เข้าร่วมสโมสรสลอบอดาอูชีตเซ ชีวิตในวัยเด็กของวีดิชเติบโตมาท่ามกลางสงคราม ในช่วงที่ยูโกสลาเวียล่มสลาย และแบ่งออกเป็นหลายประเทศ เมื่อถึงปี2000 วิดิชได้ลงเล่นชุดใหญ่ให้กับทีม เรดสตาร์ ซูโบติกา

ด้วยสัญญายืมตัวหลังจากนั้น เนมาญาวีดิช ก็ได้กลับมาต้นสังกัดรับบทบาท ในตำแหน่งกองหลังพร้อมสวมปอกแขน กัปตันทีมและยังได้ระเบิดฟอร์มสุดยอด ด้วยการเป็นซัลโว 12ประตู ถือว่าเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง ที่ทำประตูได้มากเลยทีเดียว ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด จุดแข็งของนักเตะรายนี้ด้วยความสูงถึง 188เซนติเมตร และมีการเล่นในสไตล์ที่ดุดันแข็งแกร่ง ทำให้เป็นที่สะดุดเข้าตาของ เหล่าแฟนผีไปเต็มๆ ดูบอลออนไลน์

เนมาญาวีดิช

มาดูถึงประวัติของ เนมาญาวีดิช และเส้นทางลูกหนังของเขา ว่ามีความเป็นมาอย่างไร? มาดูไปพร้อมกันเลย

หลังจากวีดิชเซ็นสัญญากับ สโมสรสลอบอดาอูชีตเซได้ปีครึ่ง เรดสตาร์เบลเกรด (เซอร์เวนาซเวซดา) ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด สโมสรชื่อดังของเซอร์เบีย จึงได้จับเซ็นสัญญารับเข้าสู่ระบบเยาวชน วีดิชเริ่มต้นการเป็นนักเตะชุดใหญ่ ในฤดูกาลที่ถูกยืมตัวไป สปาร์ตักซูบอตีตซา (Spartak Subotica) ทีมดังใน Super Liga ของเซอร์เบียในปี2000 หลังจากสิ้นสุดสัญญายืมตัวแล้ว วีดิชกลับมาเล่นให้กับ เรดสตาร์เบลเกรดอีกครั้ง

และการกลับมาครั้งนี้ทำให้เขา ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอภายใต้ การทำทีมของซอรัน ฟีลีพอวิช (Zoran Filipović) โดยคว้าแชมป์ Yugoslav Cup ในปี2001–02 วีดิชได้รับปลอกแขนกัปตันทีมอย่างรวดเร็ว และยังเป็นกัปตันที่ยังอายุน้อยอีกด้วย เนมาญาวีดิช และหลังจากได้รับตำแหน่งกัปตันได้ 3 ปี เขาลงเล่นไป 67 เกม และยิงได้ถึง 12 ประตู ถือเป็นสถิติที่ดีมากสำหรับนักเตะ ที่อยู่ในตำแหน่งกองหลัง ชีวิตการค้าแข้งของวีดิชกับ เรดสตาร์เบลเกรด สิ้นสุดลงด้วยการคว้าดับเบิลแชมป์

คือแชมป์ลีกของประเทศ (Serbia and Montenegro League) และแชมป์บอลถ้วย (Serbia and Montenegro Cup) เพราะในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2004 หลังจากคว้าดับเบิลแชมป์ดังกล่าว ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง วีดิชถูกซื้อตัวไปยังพรีเมียร์ลีกรัสเซีย กับทีมสปาร์ตัคมอสโก (Spartak Moscow) โดยไม่เปิดเผยค่าตัว แต่ยังคงเป็นที่กล่าวขานว่า วีดิชคือกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุด ในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกรัสเซีย ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง หลังจากเล่นในลีกรัสเซีย กับสปาร์ตัคมอสโกได้เพียงแค่ 2 ปี

ในวันที่ 25ธันวาคม 2005 ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง วีดิชได้เซ็นสัญญากับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวประมาณ 7ล้านปอนด์ แต่กว่าจะได้เดินทางเข้าสู่สโมสร ก็ล่วงเวลาไปกว่าครึ่งปีเนื่องจาก ติดใบอนุญาตทำงานโดยวันที่ 5มกราคม ปี2006 วีดิชจึงได้ย้ายเข้าร่วมสโมสร แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างสมบูรณ์ หากจะรวมระยะเวลาทั้งหมด ซึ่งที่ทางสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ให้ความสนใจในตัวเขาตั้งแต่ การให้แมวมองออกไปดูฟอร์มนักเตะ จนถึงได้เซ็นสัญญากินเวลากว่า 2 ปีครึ่ง

เนมาญาวีดิช

มาร่วมทัพปีศาจแดงเนมาญาวีดิช ในฤดูกาล2005-2006

การการซื้อขายนั้น ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปาดหน้า ฟีโอเรนตีนาเพื่อซิววีดิชมายืนแผงหลัง ทั้งๆที่สโมสรต้นสังกัดขณะนั้นกับ ฟิออเรนตินาได้ตกลงค่าตัวกันเรียบร้อยแล้ว เนมาญาวีดิช ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด ว่ากันว่าที่ฟีโอเรนตีนา ต้องพลาดการเซ็นต์สัญญาครั้งนี้ เพราะว่าโควต้านักเตะนอกสหภาพยุโรปเต็มพอดี ยูไนเต็ดจึงปาดหน้าคว้าตัวกองหลังคนเหล็ก มาได้สำเร็จ

วีดิชได้เสื้อหมายเลข15 ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง และได้ลงเล่นนักแรกกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในวันที่ 16กุมภาพันธ์ 2006 ในฐานะตัวสำรอง โดยถูกเปลี่ยนตัว ลงไปแทนรืด ฟัน นิสเติลโรย ช่วงใกล้หมดเวลาในเกมที่เอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์สไปได้ 2-1 ใน League Cup รอบ semi-final นัดที่สอง แชมป์รายการแรกของวีดิช คือ League Cup ที่ต้นสังกัดเอาชนะ Wigan Athletic ไปได้อย่างท่วมท้น 4-0 ในปี2006 โดยได้ลงเล่นในนาทีที่83

ผลงานกับทัพปีศาจแดง ในฤดูกาล2006–07

ระหว่างฤดูกาล2006-07 ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง วีดิชได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ โดยครึ่งฤดูกาลแรกได้ลงเล่นถึง 25 เกม โดยจับคู่เล่นกับริโอ เฟอร์ดินานด์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค และได้กลายเป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ว่ากันว่า แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปในขณะนั้น ฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก วีดิชยิงประตูแรกในวันที่ 14ตุลาคม2006

นัดที่พบกับวีกันแอทเลติก ในนัดที่เอาชนะไปได้ 1–3 ขณะที่ประตูต่อมาเขายิงได้ ในนัดที่พบกับพอร์ตสมัท โดยยิงประตูขึ้นนำ 3–0 ในวันที่ 4พฤศจิกายน2006 และถือเป็นประตูแรกที่ยิงได้ใน United’s Old Trafford ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด วีดิชยิงประตูแรกในรายการถ้วยยุโรป (EUFA Champions League) ในนัดที่ชนะไบฟีกา 3-1 วันที่ 6ธันวาคม ค.ศ.2006 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยโหม่งประตูสุดสวยตีเสมอ ให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

(แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องชนะเท่านั้น จึงจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีม) หลังจากโดนนำไปก่อน ทำให้ต้นสังกัดเดินหน้าบุกและยิงได้อีก 2ประตู กรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปได้ หลังจากเกมนั้นผู้จัดการทีมไบฟีกา ได้ออกมายกย่องประตูนั้นว่า เป็นประตูที่สุดสวยและทำให้ทีมของเขา ต้องผิดหวังกับผลการแข่งขัน ในวันที่ 8พฤศจิกายน ค.ศ.2007 เนมาญาวีดิช จรดปากกาต่อสัญญากับต้นสังกัดไปอีก 5 ปี ทำให้เขามีพันธะผูกพันกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปจนถึงปีค.ศ.2012

สิ้นฤดูกาลเขาก็ได้พาต้นสังกัด คว้าดับเบิลแชมป์ คือแชมป์ลีกเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน และแชมป์ยุโรป ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรก ในชีวิตของเขา (เอาชนะเชลซีในการดวลจุดโทษ) นอกจากนี้วีดิชยังติดทีมยอดเยี่ยมยุโรป ในปีนั้นอีกด้วย ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด ปีนั้นจึงถือเป็นปีทองของ เนมาญาวีดิช อย่างแท้จริงหลังปราการหลังชาวเซอร์เบีย ได้รับอาการบาดเจ็บรบกวน และได้ยกเลิกสัญญากับ อินเตอร์มิลาน เจ้าตัวจึงตัดสินใจแขวนสตั้ดด้วยวัย 34 ปี

เนมาญาวีดิชกับผลงานระดับทีมชาติ

การเล่นทีมชาติ เนมาญาวีดิช ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด เล่นให้กับทีมชาติเซอร์เบีย แอนด์มอนเตเนโกร เป็นผู้เล่นกองหลังคนสำคัญของทีมตั้งแต่ปี2002 ซึ่งแม้จะช่วยพาทีมเข้ารอบฟุตบอลโลก ในปี2006แต่ต้องอดลงสนาม เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ต่อมาในฟุตบอลโลกปี2010 เซอร์เบียเข้ารอบสุดท้าย ด้วยผลงานอันดับ1ของกลุ่ม ด้วยการป้องกันอันยอดเยี่ยม

แต่ก็ตกรอบแบ่งกลุ่มแม้จะเอาชนะยักษ์ อย่างเยอรมนีได้ก็ตามหลังจากนั้น ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง วิดิชก็ประกาศถอนตัวจากทีมชาติในปี2011 วีดิชได้รับฉายาว่า ปราการหลังนักรบ (Warrior) และคนเหล็กเซอร์เบีย (Serbinator) มีลีลาการเล่นเหมือนกับสตีฟ บรู๊ซ กองหลังตัวเด็ดของแมนยู ที่โดดเด่นมากในช่วงยุค1980-1990 เน้นการเข้าบอลอันดุดัน กล้าได้กล้าเสีย อ่านเกมเฉียบขาด

ปราการหลังขาบู๊ของทัพปีศาจแดง รวมทั้งเติมเกมรุกได้อย่างน่ากลัว เหมาะกับสไตล์การเล่นของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นอย่างดี ปราการหลังตัวหลักระดับตำนานของแมนฯยูไนเต็ด ด้านสถิติเขาได้ลงสนามถึง 299นัด ยิงได้ 21ประตู และคว้าแชมป์ร่วมกับแมนยูถึง 15ถ้วย นักเตะปีศาจแดงฉายาสปาร์กี้